|
|
Theory ( ภาคทฤษฏี
) ฮวงจุ้ยกับสี |
|
|
ความหมายของสีในทางฮวงจุ้ย
ธาตุทอง
เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ ดังนั้นสีขาวจึงเป็นตัวแทนแห่งสัญลักษณ์ มีอำนาจควบคุมอวัยวะทั้งภายนอกและภายใน
ของร่างกาย ซึ่งได้แก่ ใบหูด้านซ้ายและปอดธาตุทองก่อให้เกิดธาตุน้ำ และทำลายล้างธาตุไม้
สีขาวจะส่งเสริมให้เกิด
โชคลาภ ดึงดูดทรัพย์สินนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง
ธาตุน้ำ
เป็นตัวแทนของความลี้ลับ ซับซ้อน ผสมกลมกลืนเช่นเดียวกับสายน้ำ ดังนั้น จึงมีสีดำเป็นตัวแทนแห่งสัญลักษณ์
มีอำนาจควบคุมอวัยวะทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ซึ่งได้แก่ ปาก และไต ธาตุน้ำสนับสนุนส่งเสริมก่อเกิดธาตุไม้
ทำลายธาตุไฟ สีดำที่หม่นหมองจะลดทอนพลังธาตุน้ำ ทำให้อับเฉาเรื่องบุตร คู่ครอง
บริวาร ญาติมิตร
ธาตุไม้
เป็นตัวแทนของการเจริญเติบโตและความเจริญรุ่งเรือง การปรับเปลี่ยน ดังนั้น
จึงมีสีเขียวเป็นตัวแทนแห่งสัญลักษณ์
มีอำนาจ ในการควบคุมอวัยวะทั้งภายนอกและ ภายในร่างกาย ตั้งแต่ใบหูด้านขวา
และตับ ธาตุไม้สนับสนุนส่งเสริม
ก่อให้เกิดธาตุไฟ และทำลายธาตุดิน สีเขียวของธาตุไม้ส่งเสริมเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพทั้งกายและใจ
ธาตุไฟ
เป็นตัวแทนของความสดชื่นกระปรี้กระเปล่า สดใส ดังนั้นจึงมีสีแดงเป็นตัวแทนของสัญลักษณ์
มีอำนาจในการ
ควบคุม อวัยวะภายในและภายนอกร่างกาย ซึ่งได้แก่ หน้าผากและหัวใจ ธาตุไฟสนับสนุนส่งเสริม
ก่อเกิดธาตุดิน
และทำลายล้างธาตุทอง สีแดงของธาตุไฟจะส่งเสริมโชคลาภ รักษาระดังความเจริญรุ่งเรืองให้คงที่
ธาตุดิน
เป็นตัวแทนของความหนักแน่นมั่นคง ความบริบูรณ์ในเชิงของวัตถุและสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต
ดังนั้น
จึงมีสีเหลืองและสีในโทน ที่เกี่ยวเนื่องด้วยสีเหลือง เป็นตัวแทนแห่งสัญลักษณ์
มีอำนาจในการควบคุมอวัยวะ
ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ได้แก่ จมูก ม้าม ธาตุดินส่งเสริมและสนับสนุนธาตุทอง
ทำลายธาตุน้ำ
สีเหลืองสดใสจะส่งเสริมความมั่นคงในเรื่องของของหลักฐานบ้านช่อง อำนาจบารมี
* ธาตุทั้ง 5 ถือเป็นองค์ประกอบของทุกสรรพสิ่ง จะต่างกันตรงที่สิ่งใดมีธาตุใดเด่น
และด้อยเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ธาตุทั้ง 5 จึงมีอิทธิพลในเชิงความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ของ
สิ่งต่างๆที่รวมกลุ่มกันอยู่ *
.....................................................................................................................................................................................
สีแดง
คือสีแห่งความเป็นมงคลของชาวจีน เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ ความโดดเด่นของสีแดงคือความสว่างไสวในยาม
มืดมิด คือความอบอุ่นในยามหนาว เป็นไฟที่ลุกโชน คือ ความรุ่งเรืองโชตช่วง
พลังอำนาจ ความร้อนแรงของไฟ
สามารถเผาผลาญ ความชั่วร้ายหรือสิ่งที่ไม่ต้องการให้มอดใหม้ไป ดังนั้นสีแดงคือตัวแทนในการถ่ายทอดคุณลักษณะ
ของไฟ เมื่อใดที่ต้องการ ความเป็นมงคล หรือต้องการเพิ่มพลังอำนาจ ให้กับตนเองก็มักเลือกสีแดงมาใช้
ในทางจิตวิทยา สีแดงมีผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์ กระตุ้นให้เกิดความสดใส
มีพลังทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ
หรืออาจจะหมายถึงการเตือนภัย เมื่อเปรียบเทียบในทาง ฮวงจุ้ย ก็จะพบกับความพ้องกันหลายประการอารมณ์แจ่มใส
และจิตใจที่กระตือรือล้น ย่อมส่งผลดีต่อการสร้างสรรค์ใน การทำงาน ความเป็นมงคลจึงน่าจะเริ่มจากการที่ตนเอง
เต็มไปด้วยพลังในการทำงานนั่นเอง เมื่อสามารถปฎิบัติหน้าที่การงานได้ สำเร็จลุล่วงแล้ว
ความเจริญรุ่งเรืองก็จะตาม
มาอีกประการหนึ่งที่น่าสนใจความเชื่อเฉพาะกลุ่ม ชาวจีนมีความผูกพันกับสีแดงในแง่ดี
มาตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้น
สีแดง จึงสื่อถึง ความเป็นมงคล และรุ่งเรือง ฮวงจุ้ย ไม่ได้ให้ความสำคัญ
กับการเตือนภัยเช่นเดียวกับ จิตวิทยาสี
แต่จะเน้นเรื่องการป้องกันกระแส ชี่ร้านที่อาจเข้ามาบั่นทอน ทำลาย มากกว่าโดยมีความเชื่อว่า
ด้วยพลังอำนาจ
ของสีแดงสามารถป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้ายได้
สีเหลือง
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุดิน ซึ่งหมายถึง ความเป็นปึกแผ่นมั่นคง ทั้งในแง่ของอารมณ์ความรู้สึกและชีวิตความเป็นอยู่
ความเจริญรุ่งเรือง เป็นเครื่องหมายของ จักรพรรดิ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งฟ้า
เป็นอำนาจที่ควบคุมแผ่นดินซึ่งจะสังเกต
ได้ว่ากษัตริย์จีน จะแต่งองค์ด้วยชุดสีเหลือง และมีสีทองเป็นส่วนประกอบ
ในทางจิตวิทยา สีบอกถึงความบริบูรณ์ กระปรี้กระเปล่า พลังแห่งความหวัง
ความสดชื่น รื่นเริงบันเทิงใจ
และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ ความหมายในเชิงของ ฮวงจุ้ย ก็พอจะทำให้เห็นว่าความสดชื่นรื่นเริง
ความหวัง
เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เมื่อประชาชนรักในกษัตริย์ของตนเอง จึงต้องการให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับบุคคลที่ตนรักเช่นกัน
ต่างกันตรงที่สีเหลืองในทางฮวงจุ้ย เป็นสิ่งที่สูงส่งห้ามใช้ในบางกรณี เพราะต้องสงวนให้กษัตริย์เท่านั้น
สีเขียว
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไม้ ซึ่งมีความหมายเกี่ยวะเนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
เจริญงอกงาม
นำความรุ่งเรืองสดใสมาสู่กระแสชี่ที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบ
ในทางจิตวิทยา สีเขียวเป็นสีของธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์เมื่อมองดูจะให้ความรู้สึกสดชื่นของธรรมชาติ
ดูเหมือนว่าสีเขียวจะแทนธรรมชาติที่ดีๆโดยรวม สีเขียวช่วยบำบัดความเคร่งเครียดได้ไม่ว่าจะเป็นการประดับ
ตกแต่งสถานที่ด้วยต้นไม้ก็จะส่งผลไม่ต่างกัน
สีม่วง
และสีที่อยู่ในโทนม่วงทั้งหมดนั้นมีความเป็นมงคลใกล้เคียงกับสีแดงอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่าขึ้นอยู่กับความเชื่อ
ของแต่ละชุมชน ซึ่งเชื่อว่าสีม่วงดูทรงพลังและ หนักแน่นมากกว่าสีแดง ถึงกระนั้นสีม่วงก็ยังไม่สูงส่งเท่ากับสีเหลือง
หรือสีทองเพราะชนชั้นที่นำ เอาสีม่วงไปใช้นั้นเพียงผู้มีอำนาจเท่านั้น จุดประสงค์ที่นำเอาสีม่วงมาใช้
เพื่อเสริม
ให้เกิดความมั่งคั่งบริบูรณ์ เพิ่มอำนาจวาสนามากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ในทางจิตวิทยา สีม่วงหมายถึงความหดหู่ เศร้าโศก ส่วนสีม่วงที่มีความเข้มลดลงมาบ่งบอกถึงความลึกลับ
อำนาจแห่งเสน่ห์ ซึ่งแตกต่างกับ ทางฮวงจุ้ย ถึงแม้ว่า ฮวงจุ้ยจะยกย่องสีม่วงเป็นสีแห่งมงคล
โชคลาภและอำนาจ
ก็ตาม แต่ก็เป็นอำนาจโดยรวม ไม่ใช่อำนาจที่เกิดจากเสน่ห์ เหมือนกับจิตวิทยาสี
อาจเป็นไปได้ว่า จิตวิทยาสีเป็น
การกำหนดและวิเคราะห์โดยชาวตะวันตก ดังนั้นจึงเป็นความเห็นความรู้สึกของชน
กลุ่มหนึ่งที่รู้สึกต่อสีม่วง แต่
กระนั้นก็ตาม สิ่งที่ชนทั้งสองซีกโลกรู้สึกได้เหมือนกันก็คือ พลังอำนาจจากสีม่วงแม้ว่าที่มาของอำนาจจะแตกต่างกัน
ก็ตามที
สีดำ
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุน้ำ ทำให้มีคุณสมบัติลึกลับไม่แน่นอนแต่สามารถอยู่หลอมรวมกับทุกสิ่งได้มีทั้งพลังอำนาจ
และความอ่อนไหวไปพร้อมๆกัน ให้ทั้ง คุณประโยชน์มากมาย และยังสามารถนำมาซึ่งภัยพิบัติที่ยากจะประเมินค่าได้
ดังนั้น สีดำจึงหมายถึงความคลุมเครือไม่แน่นอนเช่นเดียวกับกระแสน้ำ หมายถึงความลึกล้ำที่ยากจะหยั่งถึง
ในทางจิตวิทยา สีดำเป็นสีที่เร้นลับ เคร่งขรึม โศกเศร้า
ในกรณีของความลึกลับซับซ้อนนั้นไม่ใช่สิ่งที่เหนือความ
คาดหมายของผู้คนนัก และเหตุที่ความลึกของ สายน้ำเป็นสิ่งที่ลึกล้ำเกินหยั่ง
ดังนั้น ฮวงจุ้ย จึงได้นำเอาสีดำมา
เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุน้ำ ถึงแม้ว่าสีดำจะให้ความรู้สึกลึกล้ำยาก เกินหยั่ง
แต่อีกแง่หนึ่งก็ให้ความ รู้สึกสงบนิ่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติของสายน้ำนั่นเอง
สีเทา
สีเทาเป็นส่วนผสมระหว่างสีดำและสีขาว ซึ่งทำให้มันไม่สามารถหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ด้วยเหตุนี้
จึงแทนความหมาย
ความ ไม่ชัดเจน และเหตุที่มันมีสีเดียวกับเมฆฝน จึงทำให้สีเทามีความหมายไปทางหม่นหมองหดหู่สิ้นหวังดังคำกล่าว
ที่ว่าเมฆฝนเปรียบได้กับช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วย อุปสรรคและปัญหา ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เมฆฝน
ลอยผ่านพ้นไปจากชีวิต
แต่ว่ายังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าสีเทายังมีแง่ดีอยู่บ้าง นั่นคือความสงบและความสมดุลย์
ด้วยว่ามันเป็นส่วนผสมของ
ขาวและดำที่เท่ากัน
ในทางจิตวิทยา หมายถึงความสงบนิ่งและเดียวดาย จะตรงกันกับ
ฮวงจุ้ย ก็คือความสงบ อาจจะเพราะสีเทามีความเป็น
กลาง การเพ่งมองสีอ่อนนานๆ ทำให้จิตใจสงบ
สีน้ำตาล
เป็นสีแทนความอบอุ่นมั่นคงไปด้วยหลักทรัพย์ เป็นสีเดียวกับต้นไม้ขนาดใหญ่
บ่งบอกถึง อดีตอันยาวนาน และ
ประสบการณ์ที่ผ่านมา ดังนั้น มันจึงกลายเป็น สัญลักษณ์ของผู้สูงอายุตามไปด้วย
ความสุขุมเยือกเย็นยังเป็นเอกลักษณ์
ของสีน้ำตาลด้วยเช่นกัน
ในทางจิตวิทยา สีน้ำตาลทำให้รู้สึกแห้งแล้ง ความเห็นพ้องระหว่าง
ฮวงจุ้ย กับจิตวิทยาคือความอบอุ่นหากนำสีที่เพิ่ม
ความสดใส ในสัดส่วนที่เหมาะสม ก็จะได้ความ อบอุ่นมั่นคงสามารถลดความแห้งแล้งได้
สีส้ม
สีส้มเป็นสีที่เดียวกับสีน้ำผึ้ง เพราะได้รวมเอาสีแดงคือความรุ่งโรจน์ พลังอำนาจและความเป็นมงคลและความมั่งคั่ง
ความหวังรุ่งเรืองของสีเหลือง
ในทางจิตวิทยา
หมายถึงการฟื้นตัวและพลังชีวิตเพราะว่าสีส้มรวมเอาสีแดงและเหลืองไว้ด้วยกันให้ความรู้สึกในแง่ดี
สีชมพู
คือความสดใสบริสุทธิ์ของวัยสาว ความรักอันบริสุทธ์ ความเบิดบาน ความคิดและจิตวิญญาณที่ปราศจากจริตมายา
ในทางจิตวิทยา สีชมพูบอกถึงความละมุนละไมความอ่อนเยาว์สดใส
ซึ่งพิจารณาดูแล้วสอดคล้องกับสิ่งที่ ฮวงจุ้ย
ได้บอกไว้เช่นกัน ด้วยคุณลักษณะของสีชมพูคงไม่มีใคร ปฎิเสธถึงความอ่อนหวานน่ารัก
แม่ส่วนมากมักเลือกเสื้อผ้า
เครื่องใช้ รวมถึงตกแต่งห้องด้วย สีชมพูเตรียม ไว้ให้ลูกสาว เพราะนอกจากจะเป็นสีแห่งความอ่อนหวานแล้ว
การเลือกสีชมพูสำหรับเด็กผู้หญิงนั้น เสมือนการอวยพรให้เด็กเป็นคนที่อ่อนหวาน
งดงามน่ารักบริสุทธิ์
สีชมพูโอรส
เนื่องจากเป็นสีที่มีส่วนประกอบหลากหลาย ได้แก่ สีชมพู และสีส้มเล็กน้อย
หากเป็นสีชมพูล้วนๆก็หมายถึงความ
บริสุทธิ์น่ารัก แต่เมื่อสีโอโรสมีสีส้ม เจือด้วยจึงทำให้ความรักอันบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นรักที่ทรงพลัง
อำนาจแห่งความ
ปรารถนา แรงดึงดูดแห่งรัก อำนาจแห่งเสน่ห์ มันจึงไม่เป็นมงคลนัก หากจะนำสีดังกล่าวมาตกแต่งห้องนอนของคู่บ่าวสาว
เชื่อกันว่าจะส่งผลให้เกิดรักสามเส้าใครบางคนอาจตกหลุมรักหรือติดบ่วงเสน่ห์ผู้ที่ไม่ใช่คู่ครอง
ของตนสำหรับวัยหนุ่มสาว
ที่ยังไม่มีครอบครัว สีโอโรสหมายถึงความ มีเสน่ห์ และมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
มีมิตรสหายมาก สีโอรสในที่นี้หมายถึงสีของดอก
ท้อนั่นเอง
ในทางจิตวิทยา วิเคราะห์ได้ว่าได้รวมเอาคุณลักษณะทั้ง3
สีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนหวานของสีชมพู ความสดใส
ความปรารถนา ของสีเหลือง และความร้อนแรง มีพลังของสีแดง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่
ฮวงจุ้ย จะตีความไว้เช่นนั้น
สีฟ้า
ชาวจีนมักจะมองสีฟ้าว่าเป็นสีแห่งการเปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตเฉกเช่นเดียวกับสีเขียว
มีไม่น้อยที่คิดว่าสีฟ้าเป็น
สีแห่งฤดูใบไม้ผลิ การสวมชุดสีฟ้า ในช่วงเวลา ดังกล่าวจึงเป็นเสมือนการต้อนรับฤดูกาลใหม่
ทว่ายังมีบางกลุ่มที่ไม่นิยม
สีฟ้าเนื่องเพราะคิดว่าสีฟ้าเป็นสีแห่ง ความโศกเศร้า
ในทางจิตวิทยา มองว่าสีฟ้าเป็นสีแห่งความสดชื่น ปลอดโปรงโล่งสบายและสดใส
จึงพ้องกับความคิดที่ว่า สีฟ้าเป็นสีแห่ง
ฤดูใบไม้ผลิ และการที่บางคนมองว่าสีฟ้าเป็นสีแห่งความโศกเศร้านั้น น่าจะเป็นเพราะเป็นสีอยู่ในโทนอ่อน
มีความเข้ม
ของสีน้อยขาดความโดดเด่น ไม่มีผลในการกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น เช่นเดียวกับสีเข้มๆ
บางสี เช่นสีแดงนั่นเอง
สีเขียวอมฟ้า
สีเขียวเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไม้ ดังนั้น มันจึงหมายถึงความเจริญเติบโตหรือการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า
สีแทน
ความหม่นหมอง แต่เมื่อมันมาอยู่ รวมกันก็จะเกิดความหมายใหม่ที่ดีๆเพราะสีเขียวอมฟ้านั้นไปพ้องกับสีของใบไผ่
เป็นไม้มงคลของชาวจีน ชาวจีนมีความเชื่อว่าสีเขียวอมฟ้าเป็นสีแห่งความ อ่อนเยาว์
ในทางจิตวิทยา ได้รวมเอาคุณลักษณะของหลายสีเข้าด้วยกัน
ได้แก่ สีเหลือง สีน้ำเงิน สีขาว แม้สีฟ้าจะถูกมองว่าหม่น
หมอง แต่เมื่อได้ความสดใสจากสีเหลือง เข้ามาช่วยแล้ว ก็ทำให้สีเขียวอมฟ้าช่วยกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้สดชื่นได้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทฤษฏีสีใช้กับการบำบัดโรค
หลักฐานจากสมัยโบราณระบุว่า
ในอินเดีย จีน และอียิปต์ พระผู้ทำการรักษาโรคจะมีระบบของศาสตร์แห่งสีที่สมบูรณ์
แบบ โดยยึดเอากฏความสอดคล้องระหว่างธรรมชาติเจ็ดส่วนของมนุษย์ กับแถบแสงของดวงอาทิตย์ที่แยกออกเป็น
เจ็ดสี ดังนั้นกฏพื้นฐานที่ควบคุมพลังงานของจักรวาลที่เรารู้จักกันในฐานะของสีจึงมีอยู่เสมอ
ในความรอบรู้ของคน
โบราณ ที่นำมาใช้สอนบรรดาครูและผู้ทำการรักษามาทุกยุคทุกสมัย แต่การค้นคว้าใหม่ที่รวมไปถึงหลักการทางฟิสิกส์
และปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับความจริงของธรรมชาติ ต่างไม่อาจเปิดเผยถึงความรู้ของคนโบราณที่เกี่ยวกับการใช้สีใน
การบำบัดรักษาโรคได้ ในขณะที่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์หันไปสนใจกับการนำเอาพลังธรรมชาติมาใช้เพื่อให้
การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพกับโรคภัยไข้เจ็บจำนวนมาก และผลที่ได้คือสามารถนำเอาสี
ใช้ในการรักษา
นั้นประสบความสำเร็จ
แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังสีบำบัดก็คือการฟื้นฟูความไม่สมดุลในร่างกายโดยการนำเอาลำแสงของสีมาใช้กับร่างกาย
ด็อกเตอร์เอ็ดวิน ดี.บับบิทท์ ได้พิมพ์หนังสือชื่อ The priniciples of light
and colour โดยได้อธิบาย
ถึงผลกระทบของ สีต่างๆ ของแถบสี และการใช้ในการรักษาร่างกาย ต่อมานักวิทยาศาสตร์ชาวฮินดู
ชื่อว่า
ดี.พี กาไดอัลลี่ ได้ค้นพบหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่นำมาใช้ในการอธิบายสาเหตุและวิธีที่ลำแสงของสีต่างๆ
มีผลในทางรักษาระบบการทำงานของอวัยวะร่างกาย ในปี 1933 ได้พิมพ์หนังสือชื่อ
The Spectro Chromemetry Encycolpaedia ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกเกี่ยวกับการรักษาด้วยสี
ทฤษฎีของ กาไดอัลลี่ กล่าวว่า สีเป็นตัวแทนของพลังงานทางเคมีของการสั่นสะเทือนแปดระดับ
สีบางสี
สามารถกระตุ้นระบบร่างกายบางส่วนได้ และสีบางสีก็สามารถระงับการทำงานของอวัยวะหรือระบบบางอย่างได้
จากการที่รู้ถึงการทำงานของสีต่างๆ ที่มีต่ออวัยวะและระบบของร่างกายเราก็สามารถที่เลือกสีที่ถูกต้องมาใช้ใน
การปรับสมดุลของอวัยวะที่ผิดปกติในการทำหน้าที่หรือสภาพที่เป็นอยู่ได้
โลกและประชากรทุกคนต่างได้รับพลังงานจากลำแสงของดวงอาทิตย์ธาตุทั้งมวลในโลกถูกค้นพบว่ามีอยู่ในดวงอาทิตย์
ดังที่ปรากฎโดยการวิเคราะห์ส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยคลื่นแสงแยกสี ลำแสงดวงอาทิตย์จะนำพลังงานของธาตุทั้งหมด
ที่เรารู้จักทั้งหมดมาให้ ซึ่งทำให้เกิดการรวมตัวกันทางเคมี แสงสีขาวจะประกอบด้วยพลังงานของธาตุ
และสารเคมี
ทั้งหมดที่มีในดวงอาทิตย์ โดยที่ดวงอาทิตย์จะปล่อยพลังงานแสงสีขาวเข้าสู่บรรยากาศอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อ " ชาร์จ "
บรรยากาศนี้ด้วยพลังงานประเภทต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต"
จะเห็นได้ว่าสีมีผลต่อการปรับสมดุลของร่างกาย"
ในทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพียงแต่ทางจิตวิทยาอย่างที่เราเคยเข้าใจเท่านั้น
ฮวงจุ้ยได้มีการใช้สีที่เพื่อแทนค่าของธาตุ
ทั้ง 5 ใช้ร่วมกับการปรับแต่งการจัดวางทำเลตำแหน่งมายาวนาน เราหวังว่าวิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายภูมิปัญญา
ที่ลึกซึ้งของนักปราชณ์ยุคก่อนได้ในที่สุด
|