Theory ( ภาคทฤษฏี )
   
บทนำ > ประวัติศาสตร์ฮวงจุ้ย1 > ประวัติศาสตร์ฮวงจุ้ย2
ทฤษฏีฮวงจุ้ย
กลับสู่บทนำ
 

ข้อมูลจาก งานวิจัยค้นคว้าแบบอิสระหลักสูตรปริญญามหาบัณฑิตสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ
หัวข้อ ทัศนคติต่อการออกแบบกราฟิกด้วยศาสตร์ฮวงจุ้ย ในสถานการณ์ธุรกิจร่วมสมัยในประเทศไทย
ผู้ทำวิจัย
จักรพงศ์ บุญโยม
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประวัติศาสตร์ฮวงจุ้ย2


..................ยุคเริ่มต้นประวัติศาสตร์จีนอยู่ในระยะ 5000–7000 ปี ในช่วงเวลานี้ ชาวจีนอพยพมาตั้งถิ่นฐาน
บริเวณลุ่มน้ำฮวงโห จึงเรียกว่าเป็นสังคมเกษตรกรรม รูปแบบการปกครองนั้นมีการเลือกบุคคลที่มีความสามารถมา
เป็นผู้ปกครอง ยุคแรกๆชาวจีนเริ่มใช้วิธีเลือกตั้งผู้ที่มีความสามารถเป็นตัวแทนของเผ่า
ในยุคแรกๆ จีนใช้วิธีการเลือกตั้งกษัตริย์ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง โดยคัดเลือกจากความสามารถ และคุณธรรม
กษัตริย์แต่ละองค์ ก็ต้องแข่งกันแสดงความสามารถ ให้เป็นที่ประจักษ์ เชื่อกันว่า กษัตริย์องค์แรกชื่อ ฝูซี กษัตริย์
ในยุคนี้มีหลายองค์ที่สำคัญ เช่น เสินหนง ซึ่งภายหลัง คนยกย่องให้เป็นเทพแห่งเกษตรกรรม หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง)
จักรพรรดิพระองค์นี้เป็นกษัตริย์จีนในหน้าประวัติศาสตร์องค์แรก (พระเจ้าเหลือง)ได้นำกองทัพจีนรุกรานเผ่าไท เผ่าแม้ว
จนถอยร่นมาทางใต้อีก อาณาเขตจีนขยายกว้างขึ้น เป็นเจ้าของลุ่มน้ำแยงซีเกียง ประเทศจีน ในยุคก่อนประวัติศาสตร์นี้ชาวจีน
มีความเชื่อเรื่องวิญญาณและเทพผู้ที่เป็นกษัตริย์ชาวจีนจะยกย่องเป็นเหมือนสมมุติเทพและจะเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ความรู้และวิทยาการต่างจึงถูกคิดค้นโดยกษัตริย์และส่งผ่านจากกษัตริย์สู่ประชาชน..................................

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ 5000-7000 ปี ก่อน ค.ศ.…………...………………………
เหตุการณ์สำคัญ พระเจ้าฝูซี เป็นผู้สนใจในความเป็นไปของธรรมชาติ ชอบแสวงหาความรู้ ฝูซีได้คิดค้น
แผนภูมิ 8 หรือปากั้ว
ถือเป็นต้นกำเนิดปรัชญาจีน ฝูซีอยู่ในยุคสมัยที่กำลังการผลิตได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การคิดประดิษฐ์สำคัญๆ หลายอย่างมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับฝูซี ฝูซีชอบท่องเที่ยวแสวงหาความรู้เกี่ยวกับโลก เกี่ยวกับจักรวาล ฝูซีได้คิดค้น
แผนภูมิ 8 หรือปากั้ว ฝูซีสอนให้ประชาชนรู้จักการล่าสัตว์และจับปลาโดยใช้เชือกทอเป็นแหและอวน สอนให้ประชาชนรู้จักเจาะไม้เอาเชื้อไฟเพื่อหุงต้มอาหารโดยการใช้ไฟ ให้ผู้คนอำลาชีวิตป่าเถื่อน...............................
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย ฝูซีได้คิดค้นแผนภูมิ 8 หรือปากั้ว เมื่อ 4477 ปี ก่อน ค.ศ. สมัยฮกฮีสี ได้เกิดเครื่องหมาย 8 ตัวขึ้น (โป๊ยก่วย) ซึ่งเป็นการบันทึกการเกิดของสภาพธรรมชาติในเรื่องของลม ฟ้า อากาศ สิ่งประดิษฐ์ แห,อวน,เชือก,การใช้ไม้จุดไฟ

สมัยพระเจ้าอึ้งตี่ ( พระเจ้าเหลือง )
เหตุการณ์สำคัญ การปกครองสมัยนี้แบ่งเป็นชุมนุม และแต่ละชุมนุมมีหัวหน้าเป็นของตนเอง เพื่อพิจารณาการบริหารบ้านเมืองโดยกษัตริย์....................................................................
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย ในยุคนี้ได้ประดิษฐ์เข็มทิศจากความรู้เรื่องคลื่นแม่เหล็กโลก
2697 ปี ก่อนค.ศ. เกิดเข็มทิศขึ้น โดยสามารถรู้ว่าทิศเหนือจะอยู่ในตำแหน่งที่แม่เหล็กดึงไปเสมอ ในองศาที่ 360 องศา
และได้นำเครื่องหมาย 8 ตัว เข้ามาวางไว้ในตำแหน่งของเข็มทิศ เป็นที่มาของจานเข็มทิศ (ล่อแก)
สิ่งประดิษฐ์ จีนเริ่มมีการคิดอักษรจีนขึ้นเป็นครั้งแรก รวมถึงสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ
จีนคิดอักษรจีนเป็นครั้งแรก ทำปฏิทิน เลี้ยงใหม เพื่อนำเส้นใยมาทอผ้า มีวิชาการแพทย์

สมัยจักรพรรดิเงี๊ยว , จักรพรรดิซุ่น , จักรพรรดิอู๊
เหตุการณ์สำคัญ เป็นยุคที่มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก บ้านเมืองอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข และมีการเลือกผู้สืบทอดราชวงศ์โดยเลือกจากผู้ที่มีคุณธรรมและความสามารถ
น้อย พงษ์สนิท (มปป :3) กล่าวว่า กษัตริย์องค์ที่ 5 พระเจ้าเงี้ยวทรงเลือกหัวหน้าชุมนุมคนหนึ่งชื่อซุ่น สืบต่อเป็นกษัตริย์ต่อจากพระองค์ และเมื่อพระองค์ชราภาพลง ก็ทรงเลือกผู้ที่มีความสามารถคนหนึ่งชื่อ อู๊ เป็นผู้สำเร็จราชการแทน มีความดีความชอบเป็นที่น่ายกย่อง คือสามารถขุดคลองระบายแม่น้ำฮวงโห มิให้เกิดอุทกภัยท่วมไร่นา อู๊จึงได้ตำแหน่งกษัตริย์ต่อจากพระเจ้าซุ่น นามว่าพระเจ้าอู๊ นักปราชญ์ นักการเมืองของจีนสมัยโบราณมักจะอ้างถึงสภาพบ้านเมืองอันสันติสุขของกษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ ด้วยความชื่นชม ยุคการปกครองเป็นแบบพ่อปกครองลูก................................
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย ในยุคนี้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ได้มีการใช้วิชาฮวงจุ้ยแก้ไขจนเกิดระบบชลประทาน
2205 ปี ก่อน ค.ศ. สมัยจักรพรรดิเงี๊ยวถึงสมัยจักรพรรดิซุ่น เกิดอุทกภัยใหญ่ขึ้น แฮ่อู้ใช้หลักการชัยภูมิและ
เครื่องหมาย 8 ตัว หรือ 8 ทิศ ของฮกฮีสีและอึ้งตี่ คิดแก้ระบบดึงและเก็บกักกระแสน้ำมาแก้ไขปัญหาสำเร็จได้ กลายเป็นต้นแบบระบบชลประทาน สิ่งประดิษฐ์ สร้างระบบชลประทาน

สมัยราชวงศ์เซียง 1766 – 1122 ก่อน ค.ศ
เหตุการณ์สำคัญ ปลายราชวงศ์เซียง เกิดเหตุการณ์ ล้มล้างราชวงศ์จนเกิดเป็นราชวงศ์โจวในเวลาต่อมา ในสมัยพระเจ้าติ้วอ๊วง กษัตริย์องค์ที่ 30 ของราชวงศ์ เป็นทรราช แต่ฟุ้งเฟื้อในเรื่องกามารมณ์
โหดร้ายต่อราษฎร์ จึงทำให้ต้องอพยพไปพึ่งแคว้นโจว(จิว) เพื่อหลบภัย จิวเป็นชื่อแคว้น บุ้นอ๊วงเป็นชื่อ
เจ้าผู้ครองนคร ผู้มีเมตตา ไม่ใช้อำนาจโดยพลการกดขี่พลเมือง แคว้นโจวจึงเริ่มมีอำนาจขึ้น
ช่วงที่เกิดเป็นระบบเสี่ยงทาย (โป๊ยก่วย) เป็นช่วงต่อระหว่างราชวงศ์เซียง และต้นราชวงศ์โจ หลังจากที่เจ้าครองนครโจบุ้นอ๊วงสิ้นพระชนม์ โอรสชื่อบูอ๊วงได้รวบรวมกองทัพที่ไม่พอใจการปกครอง
ของพระเจ้าติ้วอ๊วง ยาตราทัพล้มราชวงศ์เซียงได้สำเร็จปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ตั้งราชวงศ์โจวขึ้น
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย มีหลักฐานว่าฮวงจุ้ยใช้แนวคิดเกี่ยวกับคณิตศาสตร์เรื่องความน่าจะเป็นซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการ
ผนวกแนวคิดเรื่องดาว 9 ยุค และเรื่องทิศทาง ( ดาว 9 ยุคคือการเปลี่ยนแปลงของพลังหรือชี่ ที่ทำให้
บริเวณทิศนั้นๆ สมดุลที่สุด ซึ่งจะสลับเปลี่ยนไปจนครบ 8 ทิศ ยุคหนึ่งพลังจะคงอยู่บริเวณทิศนั้นๆ 19 ปี ดังนั้นการตั้งราชวังของจักรพรรดิ การหาทำเลของชาวจีนเพื่อประกอบกิจการมักคำนึงถึงพื้นที่ได้รับพลัง
ส่งเสริมในยุคนั้นๆ เพื่อตั้งกิจการเพราะเชื่อว่าจะทำให้เจริญรุ่งเรือง การค้นพบนี้มีที่มาจากการพบ
ปริศนาจำนวนจุดบนหลังเต่าโดยบังเอิญ ปราชณ์จีนยุคนั้นไขปริศนาจนสำเร็จและได้ต่อยอดวิธีคิด
สู่ทฤษฏีการทำนายด้วยตรรกะความน่าจะเป็นสู่วิชาฮวงจุ้ย ปัจจุบันตัวเลขเหล่านี้เป็นเกมส์
ฝึกสมองชื่อจัตุรัสกลที่พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่องราวของจัตุรัสกลนั้นมีมาอย่างยาวนาน
โดยปรากฏเป็นครั้งแรกในตำราทางคณิตศาสตร์ของจีน (ในช่วงประมาณ 1,100 ปี ก่อนคริสตกาล)
ที่ชื่อว่า อี้จิง แปลว่าหนังสือเรื่องการจัดเรียงลำดับ ซึ่งมีแผนภาพตัวเลขที่เรียกว่า
หลอซูร (luoshu) โดยความหมายก็คือจัตุรัสกลแบบ 3x3 เรารู้จักจัตุรัสกลในฐานะเกมเกี่ยวกับตัวเลขที่
ช่วยฝึกสมอง เกมนี้มีความเก่าแก่นับพันปี ซึ่งนอกจากจะเป็นเกมสนุกท้าทายให้คิดแล้ว ยังอาจประยุกต์
์ใช้จัตุรัสกลกับการวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ชั้นสูง การขบคิดเกี่ยวกับจัตุรัสกลนั้นจะทำให้ผู้คิดเกิดความคิด
ริเริ่มสร้างสรรค์ ความคิดวางแผนหรือการคิดการณ์ไกล ตัวอย่างของเรื่องนี้คือ เบนจามิน แฟรงคลิน
อดีตประธานาธิบดีของอเมริกา กล่าวไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของท่านว่าตอนที่ท่านยังเด็กใช้เวลายามว่าง
กับจัตุรัสกล ขนาด 8x8 ซึ่งเป็นเรื่องที่สนุกมาก นอกจากนี้แนวคิดจัตุรัสกลยังสามารถเอาไปประยุกต์ใช้
้ในวิชาความน่าจะเป็นและคณิตศาสตร์แขนง Analysis ได้อีก ยกตัวอย่างเช่น การจัดคนเข้ารับงาน การวิเคราะห์ทางสถิติเกี่ยวกับเส้นทางของยา นั่นเป็นเรื่องของการประยุกต์ใช้ทางคณิตศาสตร์ชั้นสูง


4 9 2
3 5 7
8 1 6

ตารางที่ 2.3 แสดงจำนวนที่ปรากฏในตารางจัตุรัสกล...............................

จะเห็นว่า ผลบวกตามแนวนอนเป็น 8 +1 + 6 = 15, 3 + 5 + 7 = 15, 4 + 9 + 2 =15
ผลบวกตามแนวตั้งเป็น 8 + 3 + 4 = 15, 1 + 5 + 9 = 15, 6 + 7 + 2 = 15 ผลบวกตามแนว
ทแยงเป็น 8 + 5 + 2 = 15, 4 + 5 + 6 = 15, ทุกตัวต่างเท่ากับ 15 ทั้งหมด จัตุรัสกลที่มีแนวนอน n แนว
และแนวตั้ง n แนว จะเรียกว่าจัตุรัสกลแบบ nxn เช่น รูปข้างบนนี้เป็นจัตุรัสกลแบบ 3x3


แสดงจำนวนจุดที่ปรากฏบนหลังเต่า

ชาวจีนเรียกจุดที่ปรากฏบนหลังเต่าว่า ผังยันต์เต่าในเวลาต่อมากลายเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งของฮวงจุ้ย
ที่เรียกว่าดาว 9 ยุค ผังยันต์เต่า โป๊ยก่วย หรือปากั้ว นักปราชญ์ ชาวจีนแต้จิ๋ว เรียกว่า แผนภูมิ หลกจือ
จะเห็นได้ตามอาคารบ้านเรือน แผนภูมิผังยันต์เต่าได้ถูกนำมาใช้ตามสถานที่ต่างๆ
เพื่อให้การดำเนินชีวิตด้วยความถูกต้องเริ่มตั้งแต่ รูปทรงของบ้าน ผังธาตุทั้ง 5 ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
รวมทั้งปากั้วของตัวผู้อยู่อาศัย ฤดูกาลของราศีเกิดนำมาผสมผสานกัน เรียกว่า ดาว 9 ยุค ศาสตร์นี้
เริ่มต้นที่กระดองเต่า นักปราชญ์ชาวจีนสังเกตว่า เต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืนที่สุด สามารถใช้ชีวิตอย่างเป็น
สุขจากแม่น้ำเหลือง (แม่น้ำวิปโยค) ที่แสนบ้าคลั่ง โหดร้าย ด้วยการหันตัวไปกับน้ำที่พัดพา
เมื่อทุกอย่างสงบจึงได้ว่ายทวนน้ำไปถิ่นเดิม การที่เต่า (เทวดา) ไม่มีการขัดขืนดิ้นรนฝืนธรรมชาติทำให้
รอดพ้นภยันตรายต่างๆ ได้ด้วยการอาศัยกระดองที่แข็งแกร่งช่วยปกป้องให้มีชีวิตที่อยู่ได้โดยปลอดภัย
และยืนยาวนาน กระดองเต่าเทวดานี้มีลักษณะพิเศษ บนกระดองเต่านั้นมีจุดสีดำ และสีขาวสลับกันอยู่
9 ตำแหน่ง กระจายอยู่เต็มตามตำแหน่งของทิศทั้ง 8 และจุดศูนย์กลาง รวมเป็น 9 นับจุดทั้งแนวตั้ง
แนวนอน และทแยงมุมนั้นได้จำนวน 15 เท่ากันหมด
ปลายราชวงศ์เซียงได้มีการพัฒนารูปแบบของเครื่องหมาย 8 ตัว จนเกิดเป็นระบบเสี่ยงทายที่แม่นยำ
1134 ก่อน ค.ศ. ปลายราชวงศ์เซียง สมัยจิวบุ้นอ๊วงได้รวบรวมเครื่องหมาย 8 ตัวมารวมเป็นคู่ ๆ
ได้ทั้งหมด 64 คู่ เกิดเป็นระบบเสี่ยงทาย(โป๊ยก่วย) ที่แม่นยำ นำมาใช้สำหรับการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน
โดยดูจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น............. ……………………………………………………………………………………...
การค้นพบสัญลักษณ์บางอย่าง อาจจะโดยบังเอิญ นักปราชญ์พยายามที่จะหาเหตุผลเพื่อ
ที่จะเข้าใจ และตีความจนเกิดเป็นทฤษฏี ในยุคนี้ได้มีการรวบรวมความรู้ของปราชญ์โบราณไว้ใน
คัมภีร์อี้จิง ในยุคนี้เกิดศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเสี่ยงทายแตกแขนงออกจากวิชาฮวงจุ้ย โดยใช้ฐาน
ความรู้เดียวกัน ปัจจุบันคัมภีร์อี้จิงถือว่าเป็นคัมภีร์แห่งการเสี่ยงทายที่ใช้หลักทางคณิตศาสตร์
แห่งความน่าจะเป็น …………………………………………………………………………………

สมัยราชวงศ์โจว 1122-221 ก่อน ค.ศ.
เหตุการณ์สำคัญ ยุคนี้เป็นยุคแห่งความแร้นแค้นที่สุด แต่เกิดนักปรัชญาที่สำคัญที่มีบทบาทต่อความ
เป็นชาติจีนในเวลาต่อมา น้อย พงษ์สนิท (มปป:6) กล่าวว่า เป็นยุคที่ประชาชนประสบภัยและทุกข์ยาก
ที่สุด และเป็นยุคที่เกิดนักปราชญ์ที่สำคัญ เช่น เหล่าจื้อ ขงจื้อ โทจื้อ เม่งจื้อ ซุนจือ และปรัชญา
ระบบฟาเจีย นักปราชญ์เหล่านี้มีบทบาทต่อวิถีการเมือง การศึกษา เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการ
ปกครองของชาวจีนเป็นอย่างมาก แต่ชาวจีนปรัชญาหรือศาสนาเป็นสิ่งพิเศษ คนคนหนึ่งอาจ
ได้รับอิทธิพลจากปรัชญาหลายๆประการมิใช่ปรัชญาใดปรัชญาหนึ่งโดยเฉพาะ
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย ช่วงยุคนี้จะเห็นได้ว่านักปรัชญาจีนที่สำคัญถือกำเนิดขึ้น กล่าวได้ว่า
ปรัชญาเต๋า เข้ามาผนวกกับศาสตร์ฮวงจุ้ยภายหลังจากที่ศาสตร์ฮวงจุ้ยถือกำเนิด กล่าวว่า พระเจ้าเหวิน
องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจ ได้ทรงนำเส้นตรง หยิน และหยาง มาจัดรวมกันได้ 8 กลุ่ม โดยมีกลุ่มละ
3 เส้น และเรียงกันเป็นรูปวงกลม เส้นตรงทั้งสามเส้นมี 8 กลุ่ม มีสัญลักษณ์แทนองค์ประกอบหรือธาตุ
หลักของจักรวาล 8 ประการ คือ สวรรค์ ดิน ฟ้า น้ำ ลม ไฟ ภูเขา และหนองบึง ในสมัยต่อมา เส้นตรง 3 เส้น
ทั้ง 8 กลุ่มนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเส้นตรง 3 เส้นเพิ่มเข้ามา จึงเป็นเส้นตรง 6 เส้น และจัดกลุ่มได้ถึง
64 กลุ่ม แต่ละกลุ่มอธิบายธรรมชาติ จักรวาลและวิถีชีวิตของมนุษย์ เรียกว่า ปากั้ว จะเห็นได้ว่าสัญลักษณ์
ปากั้ว มีความซับซ้อนขึ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยจะเป็นเฉพาะจักรพรรดิเท่านั้นในช่วงต้นของ
ประวัติศาสตร์ แสดงว่ากษัตริย์ที่มีภูมิปัญญาจะเป็นผู้ขบคิดปรัชญาและมีการสืบทอดแนวคิดจากราชวงศ์สู่
ราชวงศ์รุ่นต่อมา

สมัยราชวงศ์จิ๋น 221-206 ก่อน ค.ศ......................................................................
เหตุการณ์สำคัญ ในยุคนี้ได้มีการปฏิรูปการปกครองอย่างมากรวมถึงการค้าขาย และที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์
คือการสร้างกำแพงเมืองที่มีความยาวที่สุดในโลก
กษัตริย์ได้ปฏิรูปการปกครองประเทศจีนอย่างขนานใหญ่ การรวมศูนย์อำนาจ การใช้รูปแบบตัวหนังสือ
ระบบเงินตรา ระบบกฏหมาย ระเบียบงานในราชการ รวมถึงระบบปรัชญาแนวคิดเป็นไปในแบบเดียวกัน
ตำราของสำนักหยูหรือข่งจื่อถูกเผาทิ้ง กษัตริย์จิ๋นสร้างแนวป้องกันพวกป่าเถื่อนจากทางเหนือโดยการสร้าง
กำแพงต่อเชื่อมกำแพงเดิมที่อยู่เดิม
จากการก่อสร้างของรัฐต่าง ๆ สมัยจ้านกั๊ว การก่อสร้างนี้ทำให้กลายเป็นกำแพงขนาดยาวนับหมื่นลี้
จึงเรียกกำแพงนี้ว่า กำแพงหมื่นลี้ ..................................................................
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย มีการใช้วิชาฮวงจุ้ยในการสร้างสุสานให้กับกษัตริย์ และขุนนางชั้นผู้ใหญ่
เพื่อการช่วงชิงอำนาจ 206 ปี ก่อน ค.ศ. สมัยฮั้งเกาโจ้ว วิชาได้สืบทอดต่อมาในสมัยนี้เกิดการชิงที่
จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ระหว่าง เล่าปัง กับ หั่งอู้ แม่ทัพใหญ่ ของจักรพรรดิจิ๋นซี โดยเตียวเลี้ยง
ได้ใช้วิชาสร้างสุสานทำให้เล่าปัง ซึ่งเดิมเป็นชายพเนจรกลายเป็นใหญ่ในที่สุด
วิชาฮวงจุ้ยจึงสมบูรณ์ในยุคนี้ และถูกกำหนดให้เป็นวิชาแห่งชาติใช้สำหรับผู้มีศักดิ์ตระกูลเท่านั้น
สิ่งประดิษฐ์ ในยุคนี้เป็นยุคแห่งความรุ่งเรือง มีการค้าขายแลกเปลี่ยนโดยใช้เงิน ภาษาเขียน
การชั่งตวงวัด ระบบเงินตรา

ราชวงศ์ฮั่น 206 ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 220...................................................................
เหตุการณ์สำคัญ เป็นยุครุ่งเรืองด้านวรรณกรรม http://www.thaichinese.net/History
/Imperial/imperial.html (2549) กล่าวว่า ยุคนี้จึงเป็นยุครุ่งเรืองของวรรณกรรมศิลปกรรม
และเป็นยุคที่เกิดนักประวัติศาสตร์ชาวจีนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ซือหม่าเชียน
เหตุการณ์สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ศาสนาพุทธเริ่มเข้ามาเผยแพร่ในประเทศจีนโดย
พระภิกษุชาวอินเดีย ท่านตั๊กม้อ เป็นพระภิกษุชาวอินเดีย กล่าวคือท่านตั๊กม้อเป็นถึง
โอรสกษัตริย์ที่ออกบวชเพราะซาบซึ้งในศาสนา และเดินทางจากอินเดีย มาเผยแผ่พุทธศาสนา
นิกายเซ็นในเมืองจีนราว ค.ศ.527
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย ฮวงจุ้ยได้รับอิทธิพลของพุทธศาสนา ทฤษฏีฮวงจุ้ยกล่าวถึงเรื่องของ
การกระทำดีตามหลักปรัชญาธาตุทั้ง 5 และจริยธรรมที่สอดแทรกมากับศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้นกล่าวได้ว่า มีการนำเรื่องหลักธรรมของพุทธศาสนาเข้ามาผนวกกับศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้นเกิดขึ้นภายหลังจากที่
ศาสตร์ฮวงจุ้ยถือกำเนิด

สิ่งประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้คือ การผลิตดินปืน (ใช้ในดอกไม้ไฟ)
รถลากหรือรถเทียมเกวียน ขณะเดียวกันวิทยาการด้านการแพทย์ ดาราศาสตร์
และการทำแผนที่ก็มีความก้าวหน้าอย่างมาก

ยุคราชวงศ์สุย ค.ศ. 581-618 และ ยุคราชวงศ์ถัง ค.ศ. 618-960………..…………
เหตุการณ์สำคัญ เป็นยุคที่ประเทศจีนได้รวมชาติอีกครั้ง ประเทศจีนกลับสู่ยุครวมชาติอีกครั้งใน
ราชวงศ์สุย ซึ่งเป็นราชวงศ์มีอายุสั้น ๆ ช่วง ค.ศ.581-618 ยุคสุยทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากในการขุดคลอง
สำหรับการลำเลียงหรือที่รู้จักรคือ Grand.Canal การบูรณะกำแพงเมืองจีน เป็นสมัยที่พุทธศาสนา
ในจีนรุ่งเรืองมากได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์และชนชั้นสูง ลัทธิเต๋าก็มีความเจริญเท่าเทียมกัน
และมีคำสอนหลายเรื่องที่ปรับเข้าหากันอย่างกลมกลืน
เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย เชื่อกันว่าซินแสที่ค้นพบวิชาฮวงจุ้ยคืออาจารย์หยางยุนซัง
http://www.e-fengshuidesign.com/data.html (2548) กล่าวว่า การจัดฮวงซุ้ยในประเทศจีนนั้นมีมา
ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง เป็นที่เชื่อกันว่าซินแสดั้งเดิมที่เป็นผู้ค้นพบวิชาฮวงจุ้ย คือ อาจารย์หยางยุนซัง
อาจารย์หยางได้เขียนตำราเก่าแก่ไว้และตำรานี้ก็ได้รับการอนุรักษ์และศึกษากันต่อๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้
อาจารย์หยางเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษาภายในพระราชวังขององค์จักรพรรดิ์ไฮชาง
(ค.ศ.888) และตำราของอาจารย์หยางนี้เองที่เป็นตำราสำคัญซึ่งผู้ประกอบพิธี ฮวงจุ้ยได้รับการถ่ายทอด
กันต่อ ๆ มา ตำราเล่มนี้เน้นความสำคัญเรื่องรูปร่างลักษณะของภูเขาทิศทางการไหลของสายน้ำ
ที่สำคัญก็คือเรื่องของทำเลที่ตั้ง และต้องเข้าใจในอิทธิพลของมังกรสวรรค์ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นองค์เทพเจ้า
บนสรวงสวรรค์ ตำราฮวงจุ้ยของอาจารย์หยางมีอยู่ทั้งหมดสามเล่มซึ่งเป็นการบรรยายถึงแนวปฏิบัติเกี่ยวกับ
ฮวงจุ้ย ในแง่ของการอุปมาอุปมัยไปถึงมังกรหลากสีตำราเล่มแรกคือ ฮั่นหลุงชิง (Han Lung Ching)
ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับ ศิลปะของการปลุกมังกร (The Art of Rousing the Dragon) ตำราเล่มที่สองคือ
ชิงหนางโอชิ (Ching Nang Ao Chih) ซึ่งบรรยายถึงหลักในการพิจารณาทำเลที่ตั้งอันเป็นถ้ำของมังกร
และตำราเล่มสุดท้ายคือ อ้ายหลุงชิง (I Lung Ching) ตำราเล่มนี้ได้รับการแปลเป็นหนังสือชื่อ
The Canons Approxinmating Dragons (ข้อบัญญัติลักษณะของมังกร) ภายในตำราจะบอกถึงหลักการ
และเทคนิคในการค้นหามังกรในบริเวณที่ไม่มีมังกรปรากฏตัวอย่างแจ่มชัดการดู ฮวงจุ้ย ในสมัยก่อนนั้น
การดูฮวงจุ้ย จะกระทำกันเฉพาะองค์จักรพรรดิและพวกเจ้านายชั้นสูงในจีนเท่านั้น พระราชวัง สุสาน
และที่ทำการของรัฐมักจะก่อสร้างให้สอดคล้องกับหลักวิธีการของฮวงจุ้ย อย่างเคร่งครัด ชนชั้นปกครองในจีนมักจะทุ่มเทความพยายามในการคัดเลือกสถานที่เป็นสุสานฝังศพของบรรพบุรุษ
ศาสนาพุทธและเต๋าผสานกันอย่างกลมกลืนจึงเป็นเหตุให้ฮวงจุ้ยได้รับอิทธิพลของศาสนาพุทธ
ลัทธิเต๋าในยุคนี้......................
เนื่องจากจีนมีการติดต่อกับต่างชาติอย่างมากในยุคนี้ เป็นเหตุให้ฮ่องเต้ถังไท้จงเกิดความระแวงว่า
ศาสตร์ฮวงจุ้ยจะถูกชาวต่างชาติล่วงรู้ เป็นเหตุให้จัดทำตำราฮวงจุ้ยปลอมขึ้น ตำราจริงนั้นเก็บอยู่ใน
พระราชวังส่วนของปลอมนั้นแจกจ่ายชาวบ้านและให้ชาวต่างชาติได้ศึกษาในสมัยราชวงศ์ถัง
ยุคของฮ่องเต้ถังไท้จง เป็นยุคที่ประเทศจีนรุ่งเรืองมาก และ เริ่มมีชาวต่างชาติ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น
และหลายประเทศจากยุโรป เข้ามาศึกษาหาความรู้ในประเทศจีนมากขึ้น ฮ่องเต้ถังไท้จง เข้าใจดีว่า
วิชาฮวงจุ้ย เป็นภูมิปัญญาที่ชาวจีนเป็นผู้คิดค้น จึงไม่ต้องการให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้ และเข้าใจ
วิชาฮวงจุ้ยที่แท้จริง ด้วยเกรงว่าชาวต่างชาติ อาจใช้ศาสตร์ของฮวงจุ้ย มาบั่นทอนและล้มล้าง
อาณาจักรจีนในอนาคต ฮ่องเต้ถังไท้จง จึงมีราชโองการให้ควบคุมตัวซินแส ที่มีชื่อเสียง และ
เชี่ยวชาญ ศาสตร์ฮวงจุ้ย มาเก็บตัวไว้ในพระราชสำนัก ในสมัยยุคนั้น ซินแสที่ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุด
ด้านศาสตร์ฮวงจุ้ยมี 2 ท่านคือ.............................................................................................................
1) เอี่ยวกง (หรือ เอียวอุ่งซ้ง หรือ หยางเวิ่นสง)
2) หลวงจีนอี้หัง (หรือ เจ๊กฮั้งไต่ซือ)
ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้จับกุมตัวบุคคลทั้ง 2 นี้เข้ามาควบคุมตัวไว้ในวัง เอี่ยวกง เมื่อทราบกระแสข่าวดังกล่าว
ได้หลบหนีไปทางตอนใต้ของประเทศจีน และ รอดพ้นจากการจับกุมตัวได้ (จึงเป็นที่มาว่า อาจารย์
หรือ ซินแสฮวงจุ้ยเก่งๆ นั้นล้วนอาศัยอยู่แถบภาคใต้ของประเทศจีนทั้งสิ้น) ส่วนหลวงจีนอี้หัง
ถูกทางการจับกุมให้มาอยู่ในวัง และถูกควบคุม บังคับให้เขียนตำราฮวงจุ้ยขึ้นมา เป็น 3 แท้ 7 ปลอม
คือ เป็นวิชาฮวงจุ้ยที่ถูกต้อง 3 ส่วน เป็นวิชาปลอม 7 ส่วน โดยตำราฉบับที่ถูกต้องทั้งหมดนั้น
ถูกจัดเก็บไว้ในพระราชสำนัก ไม่เผยแพร่ออกนอกพระราชวังนับแต่นั้น และรับสั่งให้เผยแพร่ตำรา
ฮวงจุ้ยปลอมให้กับชาวบ้านและชาวต่างประเทศได้นำไปศึกษา ..............................................

ฮวงจุ้ยได้รับอิทธิพลของศาสนาพุทธลัทธิเต๋า เกิดขึ้นในยุคราชวงศ์สุ่ยสันนิษฐานได้ว่า
ฮวงจุ้ยไม่ได้มีมูลเหตุที่จะใช้เป็นกุศโลบายเพื่อสอนให้ชาวจีนกระทำดีเพียงอย่างเดียวตามที่เข้าใจ
เนื่องจากลัทธิเต๋า และศาสนาพุทธผนวกเข้าหากันในยุคราชวงศ์สุ่ย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากศาสตร์
ฮวงจุ้ยกำเนิด ศาสตร์ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์สำหรับกษัตริย์และขุนนางชั้นสูง จึงถือว่าเป็นความลับ
สำหรับประชาชนทั่วไป ดังนั้นผู้สืบทอดจึงเป็นขุนนางในราชวงศ์ จากข้อมูลกล่าวว่าอาจารย์หยางยุนซัง
ค้นพบวิชาฮวงจุ้ยนั้น สันนิษฐานว่าเป็นการค้นพบตำราฮวงจุ้ยที่สืบทอดกันมา อาจารย์หยางยุนซัง
ได้เรียบเรียงตีความขึ้นมาใหม่โดยผนวกแนวคิดของศาสนาพุทธลัทธิเต๋า จึงถือว่าเป็นตำราที่มีความ
สมบูรณ์ที่สุดและสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน การจัดฮวงซุ้ยในประเทศจีนนั้นมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง

ยุคราชวงศ์ซ่ง ค.ศ. 960-1279
เหตุการณ์สำคัญ ในยุคนี้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีการกระจายอำนาจไปสู่ส่วนภูมิภาค
ราชวงศ์ซ่งได้ใช้ระบบการรวมศูนย์อำนาจผสมกับการการแต่งตั้งข้าราชการจากส่วนกลางออกไปปกครอง
หัวเมือง ระบบนี้ทำให้ราชสำนักมีเวลาดูแลกิจการในเมืองหลวงมากขึ้น และในยุคนี้มีการก่อสร้างเมือง
ไม่เพียงเพื่อการบริหารเท่านั้น ยังเป็นการสร้างเมืองเพื่อเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ อุตสาหกรรม พาณิชย์นาวี
หัวเมืองชายฝั่งถูกเชื่อมโยงกับหัวเมืองในแผ่นดิน การพัฒนานี้ทำให้เกิดสามัญชนที่ร่ำรวยขึ้นมาโดย
ไม่ต้องรับราชการอย่างในอดีตจำนวนมากวัฒนธรรมการเชื่อฟังผู้อาวุโสกว่ามาจากแนวคิดลัทธิขงจื๊อใหม
่ ในลัทธิขงจื๊อแนวใหม่ที่มีอิทธิพลอย่างสูงคือแนวคิดของ จูสี่ ซึ่งมีแนวคิดในการสอนให้เชื่อฟังฝ่ายเดียว
และตำหนิการคัดค้านผู้ปกครอง กล่าวคือ ลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ภรรยาเชื่อฟังสามี ผู้น้อยเชื่อฟังผู้อาวุโสกว่า
เป็นต้น แนวคิดนี้ถูกฝังลึกอยู่ในสังคมจีนจนถึงศรรตวรรษที่ 19 แต่ยังคงมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชาวเกาหล
ีและญี่ปุ่นจนทุกวันนี้

ยุคราชวงศ์มองโกลหรือหยวน ค.ศ. 1279-1368
เหตุการณ์สำคัญ ในยุคนี้มีการนับถือศาสนาที่หลากหลาย เนื่องจากการเข้ามาของชาวต่างชาติได้นำศาสนา
เข้ามาเผยแพร่ด้วย การพัฒนาด้านการแสดง การประพันธ์ และด้านการเขียนหนังสือที่ได้พัฒนาสู่ระดับ
ชาวบ้านทั่วไปอย่างกว้างขวาง การติดต่อสัมพันธ์กับเอเชียตะวันตก ยุโรปเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนะธรรม
เครื่องดนตรีตะวันตกถูกนำมาใช้ในศิลปะการแสดงของจีนศาสนาต่าง ๆ เข้าสู่ประเทศจีนและเปลี่ยนแปลง
ศาสนาของชาวจีนจำนวนมาก เช่นอิสลามซึ่งแพร่หลายอย่างมากในหมู่ชาวจีนทางตะวันตก โรมันคาธอลิค
เนสโตเนียน เต๋า ลามะ(พุทธแบบธิเบต) อย่างไรก็ตาม ลัทธิข่งจื่อและระเบียบการสอบเข้ารับราชการ ก็ถูกฟื้นฟูนำมาใช้ใหม่ด้วยความหวังว่าจะสามารถรักษาความเป็นระเบียบในสังคมชาวฮั่นได้
มีการบันทึกการเดินทางโดยชาวตะวันตกเป็นครั้งแรก มาร์โค โปโล (Marco Polo) ซึ่งบันทึกการเดินทาง
สู่แคมบาลัค (Cambaluc) หรือกรุงปักกิ่งในปัจจุบัน เมืองหลวงของท่านข่านผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้ชาวยุโรป
ประหลาดใจและทึ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ของที่นั่น สิ่งประดิษฐ์ มีการบันทึกการเดินทาง การทำแผนที่

การศึกษาทางภูมิศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ระบบการพิมพ์ การทำเครื่องปั้นดินเผา
การเล่นไฟ การแพทย์ วรรณกรรม

ราชวงศ์หมิง ค.ศ.1365 – ค.ศ. 1644
เหตุการณ์สำคัญ เป็นยุคที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศทางทะเลมากที่สุด เป็นยุคที่เรืองอำนาจสูงสุดในช่วงต้นของศตวรรษที่ 15 ขยายอาณาจักรสู่ตอนเหนือของเวียตนาม
และยึดประเทศมองโกลเลียคืน ในด้านทะเลนั้น มีการส่งกองเรือสู่ทะเลจีน มหาสมุทรอินเดีย
แล่นไปจึงถึงชายฝั่งตะวันออกของทวีปอัฟริกาซึ่งนำกองเรือโดยเจิ้งเหอ ประเทศต่าง ๆทางชายฝั่ง

ในเอเชีย ต่างส่งตัวแทนพร้อมเครื่องราชบรรณาการกับจักรพรรดิจีน สำหรับในประเทศนั้น
คลองขุดได้ขยายไปไกลสุดเพื่อใช้ในทางการค้าการใช้จ่ายทางนาวีได้หยุดลงทันที่ การเดินทาง

เที่ยวสุดท้ายในปี 1433 นักประวัติศาสตร์ให้ข้อสังเกตว่า เหตุผลน่ามาจากการใช้จ่ายจำนวนมหาศาล
ในการต่อสู้กับมองโกล การคัดค้านในราชสำนัก การสงครามอันยาวนานกับมองโกล
การรุกรานหัวเมืองชายฝั่งจากญี่ปุ่นล้วนเป็นเหตุทำให้ราชวงศ์หมิงอ่อนแอ จนถึงเวลาสุกงอม
ราชวงศ์หมิงก็ถูกยึดครองโดยชาวต่างเผ่าคือชาวแมนจูเลียในปี 1644 และสถาปนาเป็นราชวงศ์ชิง

เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย ได้มีการใช้วิชาฮวงจุ้ยในการสร้างสุสานเพื่อช่วงชิงแผ่นดินขึ้น
ค.ศ. 1368 ราชวงศ์ หมิง สมัยเม่งไท้โจว ในราชวงศ์หมิงเกิดการชิงแผ่นดินขึ้นระหว่าง
ตั้งอิ๋วเหลียง กับจูหยวนจาง เล่าแป๊ะอุงกุนซือของจูหยวนจาง ได้ช่วยให้จูหยวนจางทำการสำเร็จได้
โดยใช้วิธีการสร้างสุสาน แต่แผ่นดินหมิงก็ถูกล้มล้างโดยพวกแมนจู โดยวิธีการสร้างสุสานเช่นกัน
และพวกแมนจูก็ถูกพวก ซุนยัดเซ็นล้มไปโดยวิธีการของสุสานราชวงศ์หมิงก่อตั้งขึ้นมาภายในการ
นำของจูหยวนจาง ซึ่งเป็นชาวนาและอดีตนักบวชในศาสนาพุทธได้ผันตนเองเป็นหัวหน้ากองกำลัง
ต่อต้านล้มล้างราชวงศ์มองโกล สมัยจูหยวนจางมีการจัดทำตำราฮวงจุ้ยปลอม เพราะเกรงว่า
จะมีผู้ใช้วิธีการเดียวกับตนมาโค่นล้มบัลลังค์ จูหยวนจาง เป็นผู้หนึ่งที่เข้าใจศักยภาพที่ไม่มีขีดจำกัด
ของวิชา ฮวงจุ้ย และ ดวงจีน อย่างลึกซึ้ง เพราะด้วยความช่วยเหลือของ หลิวป๋อเวิน
(ผู้ที่แต่งตำราติเทียงช่วย หรือ ตำราอ่านดวงจีน) ในการนำศาสตร์ฮวงจุ้ย มาทำสุสานให้กับตนเอง
โดยนำมาผสมผสานใช้งานร่วมกับ ศาสตร์ดวงจีน ทำให้สามารถพลิกชะตาชีวิตของ จูหยวนจาง จาก
ยาจก ขึ้นมาเป็น ฮ่องเต้ได้สำเร็จ เมื่อจูหยวนจาง ก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ และครองแผ่นดิน 13 แว่นแคว้น
ด้วยความกลัวที่ว่าจะมีบุคคลอื่นที่มีดวงชะตาเดียวกันกับตน จะมาโค่นอำนาจของตนลง จึงทรงรับสั่งให้
แสวงหา และจับกุมตัวบุคคล ที่มีวันเดือนปีเกิดเดียวกับตนมาเข้าเฝ้าโดยหวังจะปลิดชีวิตทิ้งซึ่งขณะนั้น
ก็พบว่ามีผู้ที่มี วันเดือนปีเวลา เกิดเดียวกันกับตนเองอยู่อีก 3 คน ซึ่งมีสถานะภาพแตกต่างกันคือ พ่อค้า
นักบวช ขอทาน เมื่อจับกุมตัวบุคคลทั้ง 3 มาได้ จึงรับสั่งให้นำตัวมาสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ โดย
เริ่มสอบถามจากพ่อค้า แล้วพบว่า ชายผู้นั้น ปัจจุบันอยู่เป็นสุขสบายดี โดยครอบครองรังผึ้ง 13 รวง
เป็นสมบัติ และใช้เลี้ยงชีวิตอยู่ ซึ่งมีเส้นทางชีวิตสอดคล้องกับตน คือ เป็นฮ่องเต้ครองแผ่นดิน
และได้รับส่วยจาก 13 แว่นแคว้น ส่วนนักบวช และ ขอทาน ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันคือ ปัจจุบัน
สุขสบายดี โดยครอบครองสิ่งของ 13 ชิ้นซึ่ง เป็นสิ่งที่ใช้เลี้ยงชีวิตตนเองอยู่ เมื่อจูหยวนจางได้ทราบ
เรื่องราวชีวิตของบุคคลทั้ง 3 และ สถานที่ ทำเล ที่บุคคลทั้ง 3 พักอาศัยอยู่ จึงหัวเราะ และไม่เอาชีวิต
ชายทั้ง 3 เหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ จูหยวนจาง ยิ่งประจักษ์ชัดว่า บุคคลที่เกิดใน วัน เดือน ปี เวลา และ
เป็นเพศเดียวกันนั้น มีดวงชะตาเหมือนกัน คือ ฟ้าได้กำหนดเส้นทางเดินของชีวิตของคนทั้ง 3
และตนเองเอาไว้ให้เหมือนกัน คือ เมื่อใดจะลำบาก เมื่อไรจะรุ่งเรือง และเมื่อชีวิตเดินมาถึงจุดแห่ง
ความรุ่งเรือง ก็ยังมีความเจริญรุ่งเรืองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นก็ด้วยเพราะ การมีฮวงจุ้ยท
ี่แตกต่างกัน เมื่อ จูหยวนจาง ได้เข้าใจถึงพลังของฮวงจุ้ยอย่างถ่องแท้ จึงเกรงว่าจะมีผู้ที่นำเอา
ศักยภาพของศาสตร์ฮวงจุ้ยนี้ มาโค่นล้มบัลลังก์ของตน จึงรับสั่งให้รวบรวมตำราฮวงจุ้ย และ
ซินแสที่เชี่ยวชาญ เข้ามาเพื่อใช้งานภายในวังเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ใช้วิชานี้ช่วยเหลือคนอื่น และยังได้สั่งให้ปลอมตำราฮวงจุ้ย เผยแพร่ออกมาด้วย

ยุคราชวงศ์ชิง หรือแมนจู ค.ศ. 1644-1911
เหตุการณ์สำคัญ มีการนำเอาลัทธิขงจื๊อและพิธีการเซ่นไหว้บรรพบุรษมาใช้
ในด้านการปกครองยังคงระบบเดิมของราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ก่อนๆ มาใช้
ลัทธิขงจื๊อแนวใหม่ที่สอนให้เชื่อฟังโดยไม่มีปากมีเสียง ได้เสริมความมั่นคงของรัฐ แมนจูก็สามารถเข้ายึดครองมองโกลเลียนอกในศรรตวรรษที่ 17 และในศตวรรษที่ 18
สามารถควบคุมเอเชียตอนกลาง จรดเทือกเขาปาเมอร์ (PamirMoutains) และก่อตั้งรัฐ
กันชนที่ซีจ้าง (ธิเบต) ไต้หวันซึ่งเป็นดินแดนที่ต่อต้านแมนจูก็ถูกรวมเข้าเป็นแห่งสุดท้าย
ทำให้อาณาจักรภายใต้การปกครองของแมนจูกว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภัยคุกคามของจีนไม่ได้มาจากแผ่นดินเหมือนในอดีต แต่กลับมาจากทางทะเล โดย
เริ่มจากฝั่งทะเลทางใต้ เมื่อพ่อค้าชาวตะวันตก นักเผยแพร่ศาสนา ทหารรับจ้างจำนวนมาก
เข้าสู่แผ่นดินชิง ในศรรตวรรษที่ 16 ราชวงศ์ชิงไม่สามารถที่ประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง
ต่อการท้าทายทำให้นำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์ชิงในที่สุดเหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย
ฮวงจุ้ยยังคงเป็นศาสตร์ที่มีการสืบทอดจากรุ่นถึงรุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของการให้ความเคารพ
บรรพบุรุษด้วยการหาทำเลฮวงซุ้ยที่ดีให้กับผู้ตาย เจี่ยงต้าหงเกิดปลายราชวงศ์หมิง
และเติบโตในต้นราชวงศ์แมนจู ด้วยความเป็นนักปราชญ์ และเจ้าบทเจ้ากลอน จึงได้เขียนบทความ
ตำรา ขึ้นมาเป็นคำกลอน ซึ่งบุคคลทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจยาก แต่ที่สำคัญ คือ ไม่บอกเคล็ดวิชาไว้
ในตำราทั้งหลายที่เขียนขึ้นมาเหล่านั้นเลย เคล็ดวิชาทั้งหลายจะถูกถ่ายทอดกันด้วยการบอกเล่า
ปากต่อปาก ให้กับลูกหลาน และศิษย์คนสนิทในสำนักเท่านั้น วิธีการที่ท่านเลี่ยงที่จะไม่บอกเคล็ดลับ
โดยมักจะตอบว่าเป็นความลับสวรรค์เปิดเผยไม่ได้ ชะตาฟ้ากำหนดไว้แล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้
อีกทั้งยังได้เบี่ยงเบนให้ชาวบ้านเข้าใจเป็นเรื่องของ สิ่งเหนือธรรมชาติ ทำให้ตนเองได้รับการยกย่อง
จากชาวบ้านว่าเป็นเทวดาเดินดิน ในสมัยปลายราชวงศ์ชิง อาจารย์เสิ่น ได้ศึกษาวิชาฮวงจุ้ยของสำนัก
หนึ่งที่มีเคล็ดลับคือ ทางน้ำ และ ภูเขา แต่วิชานั้นยังไม่สามารถให้ได้ผลดีได้ทุกครั้ง จนกระทั่งท่าน
ค้นพบว่า เคล็ดวิชาที่ถูกต้องนั้นต้องมี เงื่อนไขของเวลา เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ท่านจึงขวนขวาย
เพื่อที่จะหาผู้ที่รู้เคล็ดวิชาดังกล่าวในที่สุดก็พบว่ามีลูกหลานของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกหลานของศิษย์
ในสายวิชาที่นำเอาเงื่อนเวลา และ สถานที่ มาคำนวณความรุ่งเรืองของสถานที่นั้นๆ อาจารย์เสิ่น
และ ลูกศิษย์ของท่านอีก 1 คนจึงเดินทางไปหาครอบครัวนั้น เพื่อขอซื้อสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง
ซึ่งสมุดบันทึกเล่มนี้ นายจางจ๊งซาน (เป็นลูกศิษย์ของท่าน เจี่ยงต้าหง) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของครอบครัว
ดังกล่าวนี้ ได้บันทึกไว้เวลาที่ไปดูฮวงจุ้ยในแต่ละที่ว่าได้ใช้วิธีคำนวน ปรับแก้อย่างไร
และได้ผลอย่างไร อาจารย์เสิ่น พยายามทุกวิถีทางเพื่อขอให้ได้นำสมุดบันทึกนั้น มาศึกษาเพื่อหาเคล็ด
วิชาที่ซ่อนอยู่ แต่ขอซื้อเท่าไร ก็ไม่ยอมขาย ขอเพียงยืมดู ก็ไม่ยอม เนื่องด้วย อาจารย์เสิ่นทราบว่า ครอบครัวดังกล่าวกำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ท่านจึงเสนอให้เงินจำนวนมาก เพื่อแลกกับการได้เพียง
เห็นสมุดบันทึกเล่มนั้นครอบครัวดังกล่าวจึงยอม แต่มีเงื่อนไข คือ ต้องดูที่นี่ห้ามนำออกจากบ้าน
และให้เวลาเพียง 1 วัน 1 คืนเท่านั้น อาจารย์เสิ่น กับ ลูกศิษย์อีก 1 คน จึงช่วยกันคัดลอกบันทึกทั้งหมด
ให้เสร็จภายใน เวลาที่กำหนด และนำกลับมาค้นหาเคล็ดลับจนสามารถสรุปสิ่งเหล่านี้ออกมาได้คือ
ความรุ่งเรือง ของแต่ละสถานที่ ไม่ยั่งยืนขึ้นอยู่กับทิศทาง เวลา และสิ่งแวดล้อม การคำนวณปราณ
องศาตรง องศาเอียง กฏฮวงจุ้ย 30 ข้อ จึงนำมาทดสอบ และเห็นผล วิชานี้ก็คือ วิชาเฮี่ยงคง
ซึ่งประกอบด้วย เฮี่ยงคงปวยแช (หรือดาว 9 ยุค) และเฮี่ยงคงไต่ข่วย หรือ 64 ข่วย นั่นเอง อาจารย์เสิ่น
จึงเป็นบุคคลแรกในวงการฮวงจุ้ย ที่บันทึกหลักการเคล็ดวิชาและนำหลักการที่ถูกต้องมาเผยแพร่
สมัยราชวงศ์แมนจูได้มีการทำตำราฮวงจุ้ยปลอมขึ้นโดย ฮ่องเต้ในสมัยนั้น มีความประสงค์อยากจะ
รวบรวมเอา ภูมิปัญญาทั้งหมด ที่นักปราชญ์จีนคิดค้น และเทคนิคในทุกสาขาความรู้ ที่มีอยู่ในประเทศจีน
ซึ่งฮวงจุ้ย และ ดวงจีน ก็รวมอยู่ในนี้ด้วย มารวบรวมไว้ให้เป็นหนึ่ง โดยเคล็ดวิชาความรู้ที่เป็นฉบับจริงนั้น
ถูกจัดเก็บไว้ เพื่อใช้งานเฉพาะในพระราชวังเท่านั้น และรับสั่งให้ทำการปลอม และ เบี่ยงเบนเนื้อหาสาระ
เผยแพร่ออกสู่นอกวังให้ประชาชนได้ศึกษา
หมายเหตุ มีการใช้ลัทธิ ปรัชญามาเป็นเครื่องมือช่วยในการปกครอง เพื่อให้ประชาชนเชื่อฟัง และไม่ต่อต้านรัฐ

ประวัติศาสตร์จีนยุคก้าวสู่จีนยุคใหม่
เหตุการณ์สำคัญ ความมั่งคั่งสมบูรณ์โดยไม่ต้องเพิ่งพาคนอื่นของจีนนับตั้งแต่ราชวงศ์หมิงเป็นต้นมา
ทำให้ชนชั้นปกครองไม่เคยปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความเชื่อในลัทธิขงจื๊อแนวใหม่
ทำให้ประเทศจีนเชื่อโดยไม่ต้องถามหาเหตุผลว่าวัฒนธรรมและความเจริญของตนเองยิ่งใหญ่
และประเทศจีนก็เป็นประเทศศูนย์กลางของโลกที่เจริญยิ่งใหญ่เช่นกัน
ฉะนั้นการตั้งสมมุติฐานแตกต่างจากความเชื่อการเสนอนวัตกรรม
การแนะนำปรับความสัมพันธ์กับต่างชาติล้วนถูกมองเป็นสิ่งที่เหลวไหล และล้มล้างความเชื่อ
ราชวงศ์ชิงจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้า กับอำนาจท้าทายของตะวันตกที่มาจากทางทะเล
ในศตวรรษที่16 แรงกดดันจากภายในประเทศเริ่มจากปัญหาทางเศรษฐกิจ เนื่องจากขณะนั้น
ประชากรจีนมีอยู่ 300 ล้านคน แต่ประเทศไม่มีอุตสาหกรรมหรือการค้าเพียงพอที่จะรองรับแรงงาน
ที่มีอยู่ การไม่มีที่ดินทำกิน การฉ้อราษฏร์บังหลวง ล้วนก่อความไม่พอใจและทำให้เกิดการลุกฮือ
ในหลาย ๆ จุดของประเทศ เหตุการณ์เกี่ยวกับฮวงจุ้ย ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่เด่นชัดนักในช่วงระยะเวลา
ปลายราชวงศ์แมนจู แต่ช่วงเวลานี้ชาวต่างชาติเริ่มรู้จักศาสตร์ฮวงจุ้ยแล้ว จากตำราที่มีอยู่ทั่วไป
วิชาฮวงจุ้ยยังเป็นสิ่งที่เป็นความลับสำหรับบุคคลทั่วไป ผู้ที่สืบทอดต่อมามักจะเผยแพร่เฉพาะบุคคล
ในครอบครัวเท่านั้น เพราะเป็นความลับจึงทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจมองฮวงจุ้ยผิดเพี้ยนไป ปัจจุบันมีการ
เผยแพร่ในวงกว้าง และให้ข้อมูลเชิงรูปธรรมทำให้คนทั่วไปเข้าใจวิชาฮวงจุ้ยมากขึ้น

 


   
   
   
1111111111111111111111111111111111  
   
   
1111111111111111111111111111111111  
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
     
     

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
LAB OF FENG SHUI DESIGN | Trust in business with fengshui design
• Tel : 052-065459 • Fax : 052-065459 • Mobile : 089-7585797 • Webmaster : mail@e-fengshuidesign.com • Facebook : efengshuidesign
Copyright © 2003 www.e-fengshuidesign.com All Rights Reserved.